
24
Jun
ไต้หวัน
6 สถานที่เที่ยวไต้หวันใหม่ๆ ปี 2025 - จุดเช็กอินสุดลับที่ยังไม่แมส!
รวมสถานที่เที่ยวไต้หวันสุดฮอตปี 2025 ที่หลายคนยังไม่รู้! ถ้าพูดถึงประเทศไต้หวัน !!! ไต้หวันยังถือเป็นเมืองต้นๆ ยอดฮิต ที่นักท่องเที่ยวนิยมไป เนื่องจากมีหลากหลายปัจจัย เช่น การเดินทางสะดวกสบาย , ต้องการไปสัมผัสวัฒนธรรม และ ประวัติศาสตร์ รวมไปถึงธรรมชาติที่สวยงาม สำหรับใครที่มีแพลนไปเที่ยวไต้หวัน แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี มาฟังทางนี้ได้เลยค่ะ วันนี้แอดมารวบรวม 6 สถานที่เที่ยวไฮไลท์ !!! ที่ยังไม่แมส ตั้งแต่ทะเลสาบอันเงียบสงบไปจนถึงเส้นทางจักรยานเลียบทะเล สถานที่เหล่านี้เหมาะกับสายถ่ายรูป ธรรมชาติ และคนรักการเดินทางแบบไม่ซ้ำใคร !!!
ทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon Lake) – ธรรมชาติระดับโลกในไต้หวัน
ทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon Lake) เป็นทะเลสาบที่มีความสวยงามแห่งหนึ่งของโลก และยังเป็นทะเลสาบน้ำจืดธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวันอีกด้วย จุดเด่นของทะเลสาบแห่งนี้ก็คือ "ผืนน้ำที่ใสสีน้ำเงินอมเขียวมรกต" ที่สะท้อนทิวทัศน์ฉากหลังที่เป็นภูเขา โดยบางวันก็จะถูกปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆทำให้ที่นี่สวยราวกับภาพวาด และยังเป็นสถานที่โรแมนติก นอกจากความสวยงามของธรรมชาติแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังมีกิจกรรมอีกมากมายให้นักท่องเที่ยวได้ใช้เวลาในการผักผ่อนได้อย่างเต็มรูปแบบ เช่น ปั่นจักรยานรอบทะเลสาบ , ล่องเรือชมวิว และแวะวัดเหวินหวู่ เป็นต้น
เกร็ดความรู้
ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนเดินทางไปเที่ยวทะเลสาบสุริยันจันทรา
ก่อนอื่นที่เราจะไปเที่ยวนั้น เรามาทำความรู้จักกับ ทะเลสาบสุริยันจันทรา กันก่อนค่ะว่าควรเที่ยวช่วงไหน เดินทางด้วยตัวเองยังไง ฤดูกาลไหนที่เหมาะกับการไปเที่ยว เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนก่อนเดินทางค่ะ
1.ฤดูกาลที่เหมาะสม : จริงๆ แล้ว สามารถเที่ยวได้ทุกฤดูกาลเลยค่ะ แต่ช่วงฤดูที่เหมาะที่สุดจะเป็น ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) เพราะเป็นช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี และอากษศเย็นสบาย เหมาะสำหรับการเดินเล่น ชมวิว และทำกิจกรรมต่างๆ ริมทะเลสาบ นอกจากนั้นยังมีช่วง ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) ก็เป็นอีกช่วงที่น่าสนใจ เพราะเป้นช่วงที่ดอกซากุระบานสะพรั่ง และยังมีอากาศที่เย็นสบายเช่นกันค่ะ
2.การเดินทาง : ในกรณีที่เริ่มต้นเดินทางจากไทเป วิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดคือ การนั่งรถไฟความเร็วสูง (HSR) จากไทเป ลงที่สถานีไทจง จากนั้นสามารถต่อรถบัสไปจนถึงทะเลสาบได้เลยค่ะ ใช้ระยะเวลาโดยรวมประมาณ 3 ชั่วโมง
3.กิจกรรมแนะนำ : สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้นอกจากจะมีความเป็นธรรมชาติที่งดงามแล้ว ที่นี่ยังงมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ปั่นจักรยาน , ล่องเรือ , เดินป่า , ชมวิวจากการนั่งกระเช้าไฟฟ้า
4.ข้อควรระวัง : หลักๆ เลยคือสภาพอากาศ โดยเฉพาะฝนที่อาจทำให้การเดินทางและการท่องเที่ยวของเราหมดสนุกไป และนอกจากนั้นสภาพอากาศยังพึงระวังในการเกิดอุบัติเหตุ อีกด้วย ดังนั้นก่อนการเดินทางออกไปท่องเที่ยว อย่าลืมเช็คสภาพอากาศกันด้วยนะคะ

SUN MOON LAKE
โอเอซิสลับ ที่เที่ยวไต้หวันธรรมชาติ แนวปะการังเหล่าเหมย (Laomei Green Reef)
แนวปะการังเหล่าเหมย (Laomei Green Reef) แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ตั้งอยู่บนชายหาดเหล่าเหมย (Laomei Beach) ในเขต Shimen (石門區) ทางตอนเหนือของชายฝั่งไต้หวัน แนวปะการังเหล่าเหมยเกิดจากการก่อตัวของลาวาภูเขาไฟที่โดนน้ำทะเลกัดเซาะนับพันปี ทำให้เกิดหินรูปร่างแปลกตาลักษณะคล้ายกับเกลียวคลื่น เรียงเป็นแนวยาวขนานกับชายฝั่งทะเล ที่ปกคลุมไปด้วยสาหร่ายสีเขียว ซึ่งจะไม่ได้อยู่ตลอดทั้งปี เพราะจะค่อย ๆ หายไปตามฤดูกาล สำหรับใครที่ชอบชมแนวประการังท่ามกลางน้ำทะเล พอมองแล้วให้ความรู้สึกสบายตา แนะนำให้มาเที่ยวที่นี่เลยค่ะ !!!!
นอกจากนั้น ที่นี่ยังมีจุดเช็กอินยอดฮิตอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ แนวปะการังเหล่าเหมย (Laomei Green Reef) ที่เป็นสถานที่ไฮไลท์ และ แหลมฟู่กุ้ย (Fugui Cape) ซึ่งเป็นจุดชมวิวธรรมชาติชายหาดที่ตั้งอยู่ในจุดเหนือสุดของเกาะไต้หวัน จุดเด่นของที่นี่คือประภาคารฟู่จีเจี่ยวสีขาวที่โดดเด่น มองเห็นวิวทิวทัศน์ของทุ่งดอกลิลลี่และดอกเดือนฉายที่บานสะพรั่งตลอดทางเดิน และถ้าเดินเล่นในช่วงเย็น คุณจะได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดจากมุมนี้ด้วยนะค่ะ บอกเลยว่าฟินสุดๆ
เกร็ดความรู้
ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนเดินทางไปเที่ยวแนวปะการังเหล่าเหมย (Laomei Green Reef)
ก่อนอื่นที่เราจะไปเที่ยวนั้น เรามาทำความรู้จักกับ แนวปะการังเหล่าเหมย (Laomei Green Reef) กันก่อนค่ะว่าควรเที่ยวช่วงไหน เดินทางด้วยตัวเองยังไง ฤดูกาลไหนที่เหมาะกับการไปเที่ยว เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนก่อนเดินทางค่ะ
1. ฤดูกาลที่เหมาะสม : ช่วง ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน–พฤษภาคม) ของทุกปี เพราะเป็นช่วงที่เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติของสาหร่ายทะเลสีเขียว เมื่อคลื่นซัดมาที่โขดหิน คุณจะเห็นละอองน้ำกระจายไปทั่ว พร้อมกับวิวทิวทัศน์อันงดงามของท้องทะเลที่ตกกระทบกัน ถือว่าเป็นฤดูกาลที่สวยที่สุดของแนวปะการังเหล่าเหมย (Laomei Green Reef) ที่ห้ามพลาด
2. การเดินทาง : สามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงไต้หวัน (THSR) หรือรถไฟธรรมดา (TRA) มาลงที่สถานี Taipei Main Station แล้วต่อรถไฟฟ้าไทเป (Taipei MRT) มาลงสถานี Tamsui หลังจากนั้นต่อรถบัส Tamsui สาย 862, 863 (ปลายทาง Keelung) มาลงที่ป้าย Laomei หากอยากเดินเที่ยวแถวแหลมฟู่กุ้ย (Fugui Cape) ก่อนแนะนำให้คุณต่อรถบัส Tamsui สาย 862, 863 (ปลายทาง Keelung) ลงที่ป้าย Fugui Cape Lighthouse
3. กิจกรรมแนะนำ : ที่นี่จะเป็นที่เที่ยวเชิงธรรมชาติ กิจกรรมเพิ่มเติมที่สามารถทำได้นอกจากชมแนวปะการังแล้วก็คือ การเดินเล่นที่ ชายหาดเหล่าเหมย (Laomei Beach)
4. ข้อควรระวัง : แนะนำให้คุณเช็กสภาพอากาศก่อนเดินทางทุกครั้ง หากมาเที่ยวช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ควรระวังฝนที่เริ่มตกบ่อยขึ้น แนะนำให้พกร่มติดตัวไว้ในทุกทริปเพื่อความสะดวกค่ะ และในช่วงที่มีสาหร่ายทะเลสีเขียวปกคลุมโขนหินที่แนวปะการังเหล่าเหมย ไม่แนะนำให้นักท่องเที่ยวเดินเล่นข้ามโขดหิน เนื่องจากสาหร่ายเหล่านี้มีความลื่น อาจทำให้เกิดการสะดุดล้มและเป็นอันตรายได้ นอกจากนี้ บริเวณชายหาดเหล่าเหมย (Laomei Beach) ยังมีป้ายห้ามนักท่องเที่ยวยืนถ่ายรูปบนโขดหิน และห้ามเหยียบแนวโขนหินอีกเช่นกัน เพราะหากเจ้าหน้าที่พบเจอ คุณอาจเสียค่าปรับ
***เพิ่มเติ่ม***
ที่ ชายหาดเหล่าเหมย (Laomei Beach) ในช่วงช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคมของทุกปี ที่นี่จะมีงานเทศกาลประจำปีที่จัดขึ้นทุกๆ ปี นั่นก็คือ เทศกาลสวนว่าวสือเหมิน (Shimen Kite Park) เป็นเทศกาลว่าวนานาชาติที่จัดแสดงว่าวดีไซน์แปลกใหม่ ที่หน้าตื่นตาตื่นใจไปกับการแสดงว่าวผาดโผนหลากสี จากนักเล่นว่าวมืออาชีพของไต้หวันมากมาย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสอนทำว่าวแบบ DIY และยังมีพื้นที่ให้คุณได้ลองเล่นว่าวริมหาดด้วยนะคะ

แนวปะการังเหล่าเหมย
โดมแห่งแสง (Dome of Light)
โดมแห่งแสง (Dome of Light) ตั้งอยู่ภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Formosa Boulevard (MRT) ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง 2สาย รถไฟสีส้มและสีแดง และเป็นโดมกระจกสีกลางแจ้ง ที่จัดแสดงงานศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในสถานีมีการออกแบบโดมแห่งแสง ซึ่งผู้คิดค้นออกแบบ คือ สถาปนิกชื่อดังชาวอิตาลี Narcissus Quagliata โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 660 ตารางเมตร และใช้เวลาสร้างนานถึง 4 ปีเต็มในการสร้างประติมากรรมแห่งนี้ขึ้น ทั้งศิลปะการออกแบบ โดยการนำภาพวาดแสงและแก้ว มาผสมผสานกัน มีความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและมีความสวยงามอย่างมาก ซึ่งประติมากรรมนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงามให้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเท่านั้น แต่ยังเพิ่มมิติใหม่ให้กับชีวิตศิลปะของเมืองเกาสง และ เป็นสัญลักษณ์ของการขอพร เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เหม่ยลี้เต๋าแห่งนี้
นอกจากนี้ยังถ่ายทอดเรื่องราวของชีวิตมนุษย์ ผ่านแนวคิด ดิน น้ำ ลม ไฟ เรียงกันตามลำดับช่วงชีวิต พร้อมข้อความที่กล่าวถึง ความรักและความอดทน ด้วยความพิเศษและความตื่นตาตื่นใจของโดมแห่งนี้ ทำให้ที่นี่ เป็นจุดถ่ายรูปและเช็คอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
เกร็ดความรู้
ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนเดินทางไปเที่ยวโดมแห่งแสง (Dome of Light)
ก่อนอื่นที่เราจะไปเที่ยวนั้น เรามาทำความรู้จักกับ โดมแห่งแสง (Dome of Light) กันก่อนค่ะว่าเดินทางด้วยตัวเองยังไง เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนก่อนเดินทางค่ะ
1. การเดินทาง : นั่งรถไฟความเร็วสูงไต้หวัน (THSR) มาลงที่สถานีรถไฟ Zuoying หรือนั่งรถไฟธรรมดา (TRA) มาลงที่สถานี Kaohsiung เดินทางต่อด้วยรถไฟฟ้าเกาสง (Kaohsiung MRT) มาลงที่สถานี Formosa Boulevard
2. เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.55-00.25 น.

โดมแห่งแสง (Dome of Light)
Shen'ao Rail Bike (Badouzi Station)
Shen’ao Rail Bike เป็นการปั่นจักรยานบนรางรถไฟ ซึ่งเป็นเส้นทางจักรยานรางปาโต๋วจื่อ-เซินเอา หรือเรียกอีกอย่างว่า จักรยานรางรถไฟ เป็นการปั่นจักรยานริมชายฝั่งที่สวยที่สุดในไต้หวัน ซึ่งสามารถเข้าถึงทัศนียภาพของภูเขาและทะเลไปพร้อมๆ กัน และจักรยานรางปาโต๋วจื่อ-เซินเอา ยังมีรถรางลายปลาปักเป้าสุดน่ารัก จนทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับครอบครัว โดยที่นี่จะอยู่ทางตอนเหนือของไต้หวัน เส้นทางรถไฟช่ายฝั่งแห่งนี้นนั้นถูกสร้างโดยชาวญี่ปุ่น และเดิมจะใช้สำหรับการขนส่งถ่านหิน เหลือ และน้ำตาลเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันรถไฟสายนี้ได้ยุติการให้บริการแล้ว จึงมีการนำมาประยุกต์ใช้กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวในไต้หวัน จนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์อีกหนึ่งแห่งเลยค่ะ
เกร็ดความรู้
ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนเดินทางไปปั่นจักรยานShen’ao Rail Bike ชมวิวทะเล
ก่อนอื่นที่เราจะไปเที่ยวนั้น เรามาทำความรู้จักกับ Shen’ao Rail Bike กันก่อนค่ะว่าเดินทางด้วยตัวเองยังไง เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนก่อนเดินทางค่ะ
1. การเดินทาง : การเดินทางไป Shen'ao Rail Bike สามารถเลือกได้ว่าจะเดินทางในรู้แบบไหนค่ะ
1.1. มาด้วยรถไฟ นั่งรถไฟสาย TRA ไปลงที่สถานี Badouzi Station (八斗子車站)
1.2. โดยรถบัส สามารถนั่งรถบัสจาก Taipei Main Station หรือ Keelung มาลงที่ Badouzi แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อยค่ะ
1.3. นั่ง Taxi ก็จะเป็นอีกทางเลือกที่สะดวกกค่ะ
2. เวลาทำการเปิด-ปิด : จะมีให้เลือกว่าเราจะเริ่มต้นการปั่นจากสถานีไหนค่ะ
- ถ้าเริ่มต้นปั่นจากสถานี Shen’ao Station เริ่ม 10:30 - 16:30 น.
- ถ้าเริ่มต้นปั่นจากสถานี Badouzi Station เริ่ม 10:00 - 17:00 น.
3. ข้อแนะนำเพิ่มเติม : สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไต้หวันและต่างชาติ และจำเป็นต้องซื้อตั๋ว ดังนั้นแนะนำว่าถ้ามาอยากให้มาก่อนเวลาทำการ หรือจองล่วงหน้าผ่าน website ที่มีจำหน่าย เพราะถ้า Walk in มา เกรงว่ารถไฟจะเต็ม จนทำให้มาเสียเที่ยวค่ะ

Shen'ao Rail Bike (Badouzi Station)
Blue Tears @ Matsu Islands
Blue Tears Taiwan ทะเลเรืองแสงสีฟ้า หมู่เกาะ Matsu ต้องบอกก่อนนะคะว่าไต้หวันเป็นดินแดนหนึ่งที่น่าท่องเที่ยวมากๆ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ และงดงาม มีขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แต่หลายคนยังไม่รู้อีกมุมหนึ่งของไต้หวัน ที่มีความน่าอัศจรรย์ที่หาชมได้ยาก ซึ่งเราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ Blue Tears Taiwan ทะเลเรืองแสงสีฟ้า ที่หมู่เกาะ Matsu ซึ่งเกาะMatsu จะมีทั้งหมด 5 เกาะ Nangan, Beigan, Dongyin, Dongju, Xiju แต่ละเกาะก็สามารถเห็น Blue Tears ได้หมด แต่เราจะพามาแนะนำ 1 ใน 5 เกาะค่ะ ซึ่งมีชื่อว่า Dongju เป็นเกาะทีเงียบสงบที่สุดในหมู่เกาะ Matsu ซึ่งเป็นที่เที่ยวไต้หวันทางธรรมชาติสุดอลังการ ที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างช่องแคบไต้หวันและจีน
นอกจากนั้นที่หมู่เกาะ Matsu จะมี 2 เกาะที่มีสนามบินคือ Nangan และ Beigan, และเกาะทั้งหมดจะอยู่ใกล้กับประเทศจีน ซึ่งแต่ละเกาะจะมีทหารและป้อมปราการอยู่เยอะมากเป็นพิเศษ เจนทำให้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของที่นี่น่าสนใจมากค่ะ
เกร็ดความรู้
ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนเดินทางไปเที่ยวBlue Tears @ Matsu Islands
ก่อนอื่นที่เราจะไปเที่ยวนั้น เรามาทำความรู้จักกับ Blue Tears @ Matsu Islands กันก่อนค่ะว่าควรเที่ยวช่วงไหน เดินทางด้วยตัวเองยังไง ฤดูกาลไหนที่เหมาะกับการไปเที่ยว เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนก่อนเดินทางค่ะ
1.ฤดูกาลที่เหมาะสม : ช่วงเวลาที่เหมาะจะมาดู Blue Tear จะอยู่ในช่วงเดือนเมษายน-กันยายน
2.การเดินทาง : การเดินทางมาที่นี่มีทั้งการนั่งเรือใหญ่จาก Keelung มาลงที่ Nangan (10 ชม.) และการนั่งเครื่องจาก Taipei Songshan Airport มาลงที่ Matsu Nangan Airport (ประมาณ 1 ชม.)
3.ข้อควรระวัง : การมาเที่ยวที่นี่ต้องเผื่อเวลาไว้ เพราะอากาศที่เกาะ Matsu ไม่แน่นอน อาจทำให้เที่ยวบิน cancel ท่าเรือปิด ติดเกาะกันได้เลย พออากาศดีก็จะมีปัญหาเรื่อง Overbooking อีก ดังนั้นต้องวางแผนดีๆ และเช็คสภาพอากาศด้วยนะคะ
หมายเหตุ : การมาดูทะเลเรืองแสงสีฟ้านั้น อาจจะเห็นหรือไม่เห็นก็เป็นไปได้ เนื่องจาก Blue Tears หรือที่เรียกกันว่า น้ำตาฟ้า เกิดจากการแพร่ปะทุของสาหร่าย เกิดจากสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ซึ่งเป็นทั้งพืช และสัตว์ เรียกว่า Noctiluca Scintillans หรือ Sea Sparkle เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ดังนั้นเป็นการคาดการณ์ที่ยากค่ะ หรือ กรณีที่ไม่เห็น แนะนำให้ไปที่ เกาะ Nangan ที่นี่มีอุโมงค์ Blue Tears ให้เราเข้าไปชม สัมผัสได้อย่างใกล้ชิดเลยค่ะ เผื่อเป็นแผนสำรองค่ะ


เกาะเสี่ยวหลิวชิว (Xiao Liuqiu Island)
เกร็ดความรู้
2.การเดินทาง : หากต้องการเดินทางไปยังเกาะนี้ คุณจะต้องนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามเกาะที่ออกเดินจากผิงตงตงกั่ง ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที โดยสามาถซื้อตั๋วไปกลับผิงตงตงกั่ง - เสี่ยวหลิวฉิว ได้เลยค่ะ
3.ข้อควรระวัง : หลีกเลี่ยงการเยี่ยมชมในช่วงฤดูพายุไต้ฝุ่น (มิถุนายนถึงสิงหาคม) เนื่องจากสภาพอากาศไม่สามารถคาดเดาได้

Xiao Liuqiu Island